ไอเดียบ้านสไตล์ญี่ปุ่น

ไอเดียบ้านสไตล์ญี่ปุ่น

ไอเดียบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่า บ้านแบบประเทศญี่ปุ่น ได้รับความนิยมมากมายในตอนนี้ เนื่องจากว่าความน้อยแม้กระนั้นมากมาย เรียบง่ายแม้กระนั้นอบอุ่น ก็เลยถูกใจคนทุกเพศ ทุกวัย ไม่ใช่แค่สาวกดินแดนปลาดิบ ที่สำคัญบ้านแบบประเทศญี่ปุ่นยังมีเสน่ห์รวมทั้งเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลที่ไม่ซ้ำใครอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยฉวยโอกาสสะสมกลเม็ดการออกแบบบ้านสไตล์ประเทศญี่ปุ่นมาฝาก เผื่อผู้ใดกันต้องการตกแต่งบ้านหรือตกแต่งคอนโดสไตล์เซน แต่ว่ายังงงงวยรวมทั้งจับทางผิด ตกลงว่าจะมีแนวทางยังไง ของตกแต่งเป็นแบบไหน และก็นิยมใช้เครื่องเรือนอะไรบ้าง ตามมามองกันได้เลย

ไอเดียบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ดูเรียบง่าย เป็นธรรมชาติโปร่งสบายสุดๆ

ความใฝ่ฝันของใครหลาย ๆ คนคงอยากมีที่ดินสักผืนเอาไว้ปลูกบ้านสักหลัง โดยเฉพาะบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ที่ดูน้อยแต่มาก แถมมีความน่ารักอยู่ในตัว ใครได้เข้าไปอยู่คงจะมีความสุขไม่น้อยเลยล่ะ วันนี้เรามีไอเดียการสร้างบ้านสไตล์ญี่ปุ่นมาฝากทุกคน อยากมีบ้านเหมือนคนญี่ปุ่น ไปดูกันเลยจ้า

ไอเดียบ้านสไตล์ญี่ปุ่น

แบบบ้านสไตล์ญี่ปุ่นสงบสบายในไร่ส้ม

เราเชื่อว่าคงมีหลายคนที่ยังชมชอบสไตล์การสร้างบ้านแบบญี่ปุ่นที่ดูเรียบง่ายสุดๆ และเป็นธรรมชาติโปร่งสบาย ซึ่งขณะนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้งบ้านเราและเพื่อนบ้านอย่างประเทศเวียดนามด้วย ทำให้เราได้เห็นโปรเจ็คบ้านที่ชวนให้ตกหลุมรักมากมาย บ้านหลังนี้ก็เช่นเดียวกัน สถาปนิกได้ใส่จิตวิญญาณของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมผสมผสานกับความทันสมัย พร้อมรังสรรคฺการออกแบบภายในที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและไลฟ์สไตล์ของชาวเวียดนาม สำหรับใครที่ชอบบ้านญี่ปุ่นต้องแวะดูบ้านหลังนี้ รับรองว่าไม่ผิดหวัง

Mikan Village เป็นวิลล่าบนที่ดิน 500 ตร.ม. ในหมู่บ้าน Quyt, Yen Bai, Ba Vi ประเทศเวียดนามของคู่รักหนุ่มสาวที่ตั้งใจซื้อที่ดินสร้างบ้านบนเนินในเขตชานเมืองสำหรับพักผ่อน และพาพ่อแม่มานอนเล่นปลูกผักทุกสุดสัปดาห์ สถาปนิกออกแบบบ้านตามความชอบของเจ้าของในสไตล์ญี่ปุ่น จัดแผนผังให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ หันหลังให้ถนนทำให้เจ้าของบ้านได้ “หลีกหนีจากถนน” และมีความใกล้กับธรรมชาติของ Ba Vi ได้บ้านที่ออกมาสวยท่ามกลางวิวทิวเขา มีลมพัดเย็นสบายทุกมุม

ไอเดียบ้านสไตล์ญี่ปุ่น

Mikan หมายถึง ส้มเขียวหวานในภาษาญี่ปุ่น เพราะบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในไร่ส้มเขียวหวาน ฟอร์มของบ้านแบบชั้นครึ่งช่วยให้อาคารไม่ถูกกลืนหายกลางพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ยังอบอุ่นและสร้างความรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเพื่อนบ้าน พื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด 164 ตร.ม. (82 ตร.ม. ต่อยูนิต) ตัวบ้านแบ่งเป็นสองส่วนดูเหมือนบ้านแฝด ประกอบด้วยห้องนอน 2 ห้องบนและล่าง ครัว และห้องนั่งเล่น พร้อมสระแช่ตัวสำหรับเด็กๆ ที่อยู่ระหว่างกลาง รอบบ้านล้อมรอบด้วยเฉลียงขนาดใหญ่ ชวนให้เจ้าของบ้านออกมานั่งจิบชาอุ่น ๆ ยามเช้า พร้อมชมภูเขาและก้อนเมฆที่ค่อย ๆ เคลื่อนลอยไปได้ทั้งวัน

จากภายนอกจะเห็นว่าบ้านเต็มไปด้วยช่องแสงช่องลม ที่พยายามยึดรูปแบบเช่นเดียวกับอาคารสไตล์ญี่ปุ่น เช่น หน้าต่างกรอบไม้ ประตูโชจิ และประตูบานเลื่อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งดูเผิน ๆ จะคล้ายประตูดั้งเดิมแต่ในความเป็นจริงจะเลือกใช้วัสดุใหม่ๆ ที่มีความทนทานขึ้น เช่น วัสดุโปร่งแสง และระบบประตูบานเลื่อนนำเข้า hafele damping accessory rail เป็นต้น ประตูหน้าต่างขนาดใหญ่เหล่านี้ช่วยเพิ่มพื้นที่เปิดโล่งให้ลมและวิวธรรมชาติเข้ามาในบ้าน ตัวกระจกเป็นรุ่นกันความร้อนช่วยให้พื้นที่ได้รับแสงได้แต่ไม่ร้อนจึงช่วยประหยัดไฟฟ้าไปในตัว

ห้องครัว

เฉลียงทางเดินที่ยื่นออกมาเพียงพอให้นั่งห้อยขาเล่นได้ ซึ่งจะเห็นว่าเฉลียงยกสูงจากพื้นให้ลมสามารถลอดผ่านลดความชื้นใต้ตัวบ้าน ทำให้บ้านแฝด Mikan ดูเหมือนจะ “งอก” จากพื้นดินโดยมีเสาค้ำ นอกจากนี้ใต้เสาใต้พื้นยังมีอุปกรณ์ทางเทคนิค สายไฟ ประปา แอร์ ซ่อนไว้ ทำให้บ้านสวยงามเป็นระเบียบไม่มีสายไฟระโยงระยาง พื้นที่หลักในบ้านคือ ห้องนั่งเล่นและห้องครัว ซึ่งจัดแปลนแบบเปิด open plan บ้านจัดสรรภูเก็ต 

ทำหน้าที่ดึงสมาชิกในครอบครัวให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ในขณะเดียวที่ทุกคนในครอบครัวมาอยู่รวมกันกลับไม่รู้สึกถึงความวุ่นวายพลุกพล่าน เพราะการตกแต่งบ้านน้อย ๆ การเลือกวัสดุก็มีส่วนทำให้บ้านรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย อาทิ การใช้เฟอร์นิเจอร์วัสดุไม้เป็นหลัก งานผ้าสีครีมกลางๆ รวมถึงการจัดภูมิทัศน์จำลองสวนญี่ปุ่นขนาดเล็กที่มีก้อนกรวดธรรมชาติ อ่างหิน เสียงน้ำรินจากก๊อกน้ำไม้ไผ่ ช่วยสร้างบรรยากาศและนำธรรมชาติเข้ามาในบ้าน และเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เพิ่มความรู้สึกสงบนิ่งขึ้นภายใน

แม้ว่า บ้าน จะเน้นความลื่นไหลของพื้นที่ เพื่อให้รู้สึกถึงความเป็นสเปซขนาดใหญ่กว้างๆ แต่ก็มีวิธีการแบ่งการใช้งานให้เป็นสัดส่วน อย่างเช่น บริเวณพื้นห้องครัวที่ถูกยกขึ้นหนึ่งสเต็ปและมีโถงโค้ง ๆ ทำจากผนังเบาช่วยแยกพื้นที่ทำอาหารออกจากห้องนั่งเล่น และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้พื้นที่ในบ้านดูไม่น่าเบื่อ

ห้องนอนใหญ่ตั้งอยู่ที่ชั้นล่าง โดยมีหน้าต่างกระจกกรอบไม้ขนาดใหญ่ที่เปิดออกให้มองเห็นสระแช่ตัวด้านนอก ด้านนอกมีแถวทิวไม้ไผ่ที่ปลูกข้างประตูห้องนอนมีลักษณะเหมือนรูปภาพและมีความหมาย เป็นการบ้านสร้างตามหลักฮวงจุ้ย ที่มีความเชื่อว่าหน้าบ้านและหลังบ้านด้วยไม้ไผ่เป็นมงคล เนื่องจากต้นไม้นี้เป็นสัญลักษณ์ของความเรียว ความสง่างาม ความก้าวหน้า ความมุ่งมั่นมั่นคง และซื่อตรง จะนำความดีงามมาสู่ทั้งครอบครัว

ห้องนอน

ชั้นสองประกอบด้วยห้องนอนหนึ่งห้องและห้องน้ำในตัว หน้าต่างกระจกทรงกลมถูกทำซ้ำในผนังส่วนข้าง ทำให้ฉากของภูเขาบาวีกลายเป็นเหมือนภาพวาดแขวนผนังให้เจ้าของบ้านได้ชมในทุก ๆ เช้าเมื่อตื่นนอน บริเวณหัวเตียงทำจากไม้แปรรูปตกแต่งผ้ามีภาพใบไผ่สีทอง ให้ความรู้สึกธรรมชาติปนหรูหรา

ห้องน้ำตกแต่งโทนขาวดำตัดด้วยกรอบไม้ ที่ใส่ลูกเส้นของเส้นสายเรขาคณิตเอาไว้โดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูโค้งๆ หน้าต่างทรงกลมและสี่เหลี่ยม นอกจากนั้นยังมี skylight ที่เพิ่มช่องทางรับแสงและวิวท้องฟ้าข้างบนด้วย วันที่แดดอออกลองมาแช่ตัวในน้ำอุ่น พร้อมเก็บวิวรอบ ๆ ตัว เพิ่มประสบการณ์ในวัยสบายแบบเซ็กซี่เล็ก ๆ ที่หาไม่ได้จากที่ไหน ๆ รู้สึกราวกับได้อยู่บ้านพักตากอากาศหรูในทุกวัน ไฮไลท์ของบ้านนี้ไม่ได้อยู่ที่การออกแบบที่ให้อยู่สบาย และใช้ประโยชน์จากบริบทรอบ ๆ ได้เต็มที่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัสดุแต่ละชนิดที่ใช้ในบ้านด้วยที่เลือกให้สอดรับกับสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ และปกป้องบ้านจากสิ่งที่คิดว่าอาจจะพบในอนาคตอย่าง เสียงรบกวนและมุมมองของเพื่อนบ้านเอาไว้ด้วย บ้านเดี่ยว บ้านแฝด

ห้องน้ำ

ประเทศเวียดนามมีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นคล้ายกับบ้านเรา แต่ในบางโซนของประเทศโดยเฉพาะในย่านชานเมืองที่รายล้อมด้วยทิวขาและต้นไม้สภาพอากาศจะหนาวเย็นในฤดูหนาว บ้านจึงจำเป็นต้องรับมือได้ทั้งความร้อนและเย็น สถาปนิกเลือกใช้กระจกทนความร้อนคุณภาพสูง เพื่อรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้าน และแก้ปัญหาในการรักษาอุณหภูมิในบ้านให้เย็นในฤดูร้อน ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ในวันที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป โดยเจ้าของบ้านไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ ผนังใช้อิฐมวลเบาที่มีคุณสมบัติในการลดเสียงรบกวนได้และเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว เป็นต้น

สูตรลับการออกแบบบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ไอเดียเนรมิตห้องสไตล์เซน กลิ่นอายมินิมอล

1.ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ
เพราะคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติมาก จึงมักจะนำไม้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและตกแต่งเสมอ ไม่ว่าจะด้านโครงสร้างที่มักจะใช้ไม้ทำพื้น ผนัง ประตู หน้าต่าง หรือด้านการตกแต่งที่มักจะใช้ไม้ทำฉากกั้น เฟอร์นิเจอร์ และของกระจุกกระจิก โดยไม้ที่นิยมนำมาใช้ในบ้านบ่อย ๆ ได้แก่ ไม้ไผ่ ไม้เมเปิ้ล ไม้ฮิโนกิ ไม้เฮมล็อก และไม้สนแดง

ฉะนั้นถ้าหากใครอยากสร้างบรรยากาศ บ้านแบบญี่ปุ่น ละก็ ห้ามพลาดงานไม้และงานธรรมชาติอย่างเด็ดขาด รวมถึงอย่าลืมตกแต่งด้วยต้นไม้ญี่ปุ่น เช่น ต้นไผ่หรือต้นบอนไซด้วย ทว่าเอาจริง ๆ จะปลูกต้นอะไรในบ้านก็ช่วยสร้างความเป็นธรรมชาติแบบญี่ปุ่นได้ทั้งนั้น เพียงแค่ต้องเน้นต้นไม้ที่เรียบง่ายและมีสีเขียวเป็นหลัก นอกจากนี้บ้านญี่ปุ่นยังนิยมเชื่อมต่อพื้นที่ภายในเข้ากับธรรมชาติภายนอกอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากใครมีสวนสดใสรอบบ้าน ก็อย่าลืมทำหน้าต่างขนาดใหญ่ให้มองเห็นได้ชัดด้วยล่ะ

2.เน้นสีแนวเอิร์ธโทน
หลักสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการออกแบบบ้านสไตล์ญี่ปุ่น คือ สีแนวเอิร์ธโทน โดยโทนสียอดนิยมของญี่ปุ่นมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีน้ำตาลที่มาจากไม้ สีเขียวที่มาจากต้นไม้ และสีเทาที่มาจากกระเบื้องหิน ฉะนั้นถ้าหากใครอยากออกแบบและตกแต่งบ้านให้ได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่น พยายามผสมผสานโทนสีเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน เลือกเฉดสีของเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่แตกต่างกันมากเกินไป แล้วค่อยเน้นลูกเล่นพิเศษจากพื้นผิวของวัสดุ เช่น งานไม้หรืองานสาน เพื่อความไม่น่าเบื่อแทน

3.ตกแต่งน้อยชิ้น แต่มากฟังก์ชั่น
บ้านสไตล์ญี่ปุ่นมักจะมีเฟอร์นิเจอร์ไม่ค่อยเยอะ ต่างจากบ้านของคนไทยส่วนใหญ่ที่มักจะมีข้าวของและเฟอร์นิเจอร์เพียบ ดังนั้นถ้าหากใครจะตกแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ให้คำนึงถึงการใช้งานเอาเป็นหลัก โดยเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย ดีไซน์เรียบง่าย ดีเทลไม่เยอะ และใช้วัสดุจากธรรมชาติ ส่วนการจัดวางก็พยายามให้อยู่เป็นกลุ่ม ไม่กระจาย มีที่ว่างสำหรับทางเดิน เช่น จัดเข้ามุมหรือวางชิดผนัง เท่านี้ก็จะช่วยให้บ้านมีความมินิมอลแบบญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ

4.เปิดช่องให้แสงผ่าน
ไม่ว่าจะหลังเล็กหรือหลังใหญ่ การออกแบบภายในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นจะเน้นความโล่ง โปร่ง และสบายเป็นหลัก ซึ่งปัจจัยสำคัญก็มาจากการเปิดบ้านให้แสงธรรมชาติสาดส่องอย่างทั่วถึง โดยวิธีการง่าย ๆ คือ การใช้หน้าต่างขนาดใหญ่รอบบ้าน การเจาะเพดานเพื่อทำสกายไลท์ และการใช้ม่านแบบเรียบง่ายและโปร่งแสง เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากให้บ้านสว่างและสดใสแบบญี่ปุ่น ก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ

5.เพิ่มสีสันด้วยสติ๊กเกอร์
ถึงแม้บ้านสไตล์ญี่ปุ่นจะเน้นความเรียบง่าย อบอุ่น แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะถ้าหากโทนสีธรรมชาติไม่ใช่สไตล์ของคุณ ก็สามารถเพิ่มลวดลายและสีสันเข้าไปได้ ด้วยสติ๊กเกอร์ติดผนังแบบญี่ปุ่นหรือ Wall Sticker ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป แถมมีให้เลือกหลากหลายลาย ที่สำคัญเวลาแกะออกไม่ทิ้งคราบตกค้าง ถ้าหากใครอยากเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นให้มากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมตกแต่งเข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์ทรงเตี้ย ทั้งโต๊ะ ตู้ และเก้าอี้ เพราะจะช่วยให้ห้องกว้างขวางและน่าอยู่แบบชาวเจแปนนิสนั่นเอง

6.จัดเก็บตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ถ้าหากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่า ตู้เสื้อผ้าของญี่ปุ่นไม่เหมือนกับตู้เสื้อผ้าของไทย โดยตู้เสื้อผ้าญี่ปุ่นเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โอชิ-อิเระ (Oshi-ire) มีลักษณะเป็นตู้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มาพร้อมกับประตูบานเลื่อน ส่วนภายในแบ่งออกเป็นสองชั้น บนกับล่าง มีไม้พาร์ติชั่นแข็งกั้นตรงกลางตามแนวนอน ความลึกประมาณฟูกพับครึ่ง ซึ่งทุกวันนี้มักจะมีราวแขวนเสื้อติดมาด้วย แต่บางครั้งก็เป็นตู้โล่ง ๆ ไม่มีอะไรภายใน เพราะสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์เสิรมได้ต่างหากตามต้องการ เนื่องจากคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นพับเสื้อผ้าเก็บใส่กล่อง ตะกร้า ลิ้นชัก เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามสะอาดตา อีกทั้งยังทำให้มองหาและหยิบใช้ได้ง่ายด้วย ถึงขนาดมีวิธีการจัดตู้เสื้อผ้าแบบญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลยล่ะ