5 แบบบ้านมินิมอล มินิมอลกลายเป็นสไตล์การแต่งบ้านยอดนิยมในยุคปัจจุบันที่เน้นให้ความสำคัญกับความเรียบง่ายเป็นหลัก ด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีสีสรรฉูดฉาดมาก มีจำนวนเฟอร์นิเจอร์กับของตกแต่งไม่จำเป็นต้องเยอะ เอาแค่ที่พอดี อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใส่เข้าไปในห้อง นอกจากนี้ยังเน้นความสว่างจากแสงไฟธรรมชาติเป็นหลัก หรือใช้หลอดไฟที่มีสีสรรไม่ฉูดฉาด เน้นความเรียบง่ายในทุกองค์ประกอบ เก็บกวาดดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย
5 แบบบ้านมินิมอล
แบบที่ 1 บ้านมินิมอลตัว U
บ้านสไตล์โมเดิร์นมินิมอล บ้านในเมืองที่แวดล้อมไปด้วยความวุ่นวาย ผู้คน รถราสัญจรไปมา ทำให้รู้สึกถึงความไม่เป็นส่วนตัว แต่ด้วยทำเลที่ดี สะดวกในการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวันก็นับเป็นสิ่งที่ทดแทนกันได้ การดีไซน์บ้านเพื่อลดจุดด้อยของทำเลจึงเป็นวิถีทางหนึ่งที่ช่วยให้การอยู่อาศัยมีความผ่อนคลาย เพิ่มประสิทธิภาพในการพักผ่อนได้มากขึ้น สร้างความสมดุลให้ชีวิตในเมืองไม่เคร่งเครียดจนเกินไป
บ้านทิศใต้ รับลมแบบชิว ๆ ด้วยบริบทของที่ดินในเมืองติดถนนคนสัญจร นักออกแบบเลือกหันหน้าบ้านไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศที่เหมาะสมมากที่สุดและยังเป็นทิศที่ได้รับลมเกือบทั้งปี แต่ไม่เพียงแค่ลมเท่านั้นที่ได้พัดเข้าสู่พื้นที่ภายใน ยังชักชวนฝุ่นเข้ามาด้วย ทำให้ต้องคิดถึงการออกแบบที่จะช่วยกันฝุ่น กันเสียงและพรางสายตาจากผู้คน
บ้านปูนสองชั้นสไตล์โมเดิร์นมินิมอล มีความสมัยใหม่อย่างเรียบง่าย เว้นพื้นที่หน้าบ้านที่ตรงกับห้องนั่งเล่นไว้เป็นลานกลางแจ้ง ปลูกต้นไม้ไว้ให้ร่มเงา แม้จะเป็นเพียงพื้นที่ไม่กี่เมตร แต่ก็ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนให้มากกว่าเดิม ด้านข้างและด้านหน้าบางส่วนก่อผนังฉาบเรียบปิดทึบเป็นปราการกันฝุ่นได้เป็นอย่างดี
พื้นที่ส่วนกลางคือใจกลางบ้าน ตรงส่วนนี้เชื่อมต่อกับลานกลางแจ้งหน้าบ้านด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ออกแบบเพดานให้สูงโปร่ง Double Space ความสูงช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้สะดวก ทั้งยังมีช่องรับลมเข้า ระบายลมออก ทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง ติดพัดลมแขวนเพดานช่วยเพิ่มความสบายอีกแรง
ระเบียงชั้นสองที่อยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน หลาย ๆ หลังไม่ได้ใช้งานจริง เนื่องจากบริบทที่อยู่ติดถนน มีทั้งฝุ่น ทั้งเสียงที่ไม่ชวนให้เพลิดเพลินเท่าไรนัก การปิดบังด้วยฟาซาดอีกชั้นจึงเป็นวิธีที่ทำให้ระเบียงใช้งานได้จริงมากยิ่งขึ้น อาจตีด้วยระแนงไม้เพื่อพรางสายจากผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาและเติมความสดชื่นด้วยกระถางแขวน ปลูกต้นไม้ประดับตามมุมต่าง ๆ เป็นการกรองฝุ่นอีกชั้นให้กับระเบียง
แบบที่ 2 บ้านมินิมอล หลังคาเฉียงสูง
บ้านที่เราเห็นได้ทั่ว ๆ ไป ก็จะมีตั้งแต่ บ้านชั้นเดียว สองชั้น สามชั้น ถ้าจะพิเศษสักหน่อยก็อาจจะเป็นบ้านชั้นครึ่ง ที่มีชั้นเดียวด้านหน้าและเพิ่มเป็นสองชั้นด้านหลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะออกแบบหลังคาให้แยกส่วนโครงหลังคาเป็นอิสระจากกัน ทำให้เห็นชัดว่าบ้านมี 2 ระดับที่แตกต่าง
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้โครงสร้างรับน้ำหนักมากเกินไป แต่เราเชื่อว่าอาจจะมีหลายคนอยากได้หลังคาที่ดูเป็นผืนเดียวเพื่อลดรอยต่อป้องกันการรั่วซึม มีแนวคิดใหม่ในการทำหลังคาของบ้านชั้นครึ่งที่เรียบต่อเนื่องเป็นผืนเดียวลาดลงมายาว ๆ เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจทีเดียว
บ้านหลังนี้สร้างอยู่ในเมืองฮาชิโมโตะ จังหวัดวาคายามะ พื้นที่ใช้สอย 104.3 ตารางเมตร เป็นบ้านสองชั้นที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาด้านหลัง เจ้าของบ้านจึงต้องการบ้านที่เปิดมุมมองให้มากที่สุด
เพื่อที่จะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและรับแสงธรรมชาติที่เพียงพอ แต่สิ่งที่โดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกลของบ้านนี้คือ หลังคาเมทัลชีท seamless ที่เชื่อมต่อจากอาคารชั้นเดียวด้านหน้าเฉียงขึ้นไปถึงปลายชั้นสอง และโถงทางเข้าตรงประตูหน้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนปากถ้ำ
ต้อนรับการมาถึงด้วย Genkan เป็นโถงทางเข้าบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ใช้สำหรับถอดและใส่รองเท้า มีตู้เก็บรองเท้าให้เรียบร้อยไม่รกตา พร้อมเปลี่ยนเป็นรองเท้าสำหรับภายในก่อนเข้าสู่พื้นที่ใช้ชีวิตในบ้าน โดยจะทำเป็นพื้นต่างระดับพื้นดิน ส่วนถัดไปจะสูงขึ้นประมาณ 10-30 เซนติเมตร ช่วยให้บ้านสะอาดและเป็นสัดส่วน ตรงโซนนี้จะเป็นอาคารชั้นเดียว จากนั้นหลังคาจะค่อย ๆ เฉียงสูงขึ้นไป
จากโจทย์ที่เจ้าของต้องการ สถาปนิกจึงได้วางตำแหน่งหน้าต่างบานใหญ่ในส่วนพื้นที่ใช้งานหลัก คือ ห้องโถงที่มีฟังด์ชันนั่งเล่น ทานข้าว และครัว ชุดประตูหน้าต่างบานเลื่อนกระจกใสเหล่านี้จะเปิดรับแสงแดดทั้งด้านทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งเป็นแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าที่ไม่รุนแรง เมื่อมารวมกับพื้นไม้ ชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน ๆ ผ้าม่านบาง ๆ พริ้วตามสายลม ทำให้บรรยากาศโดยรวมสบายๆ ที่ทุกคนในครอบครัวสามารถเพลิดเพลินกับความเขียวขจีและหันหน้าไปทางธรรมชาติได้ทุกด้าน
แบบที่ 3 บ้านสองชั้น สไตล์มินิมอล
ทาวน์โฮมหลังนี้อยู่แปลงหัวมุมถนน ติดถนนถึงสองด้าน จึงได้ทำการเปลี่ยนทางเข้าบ้านเสียใหม่ ให้มีความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังล้อมรั้วกำแพงทึบทาสีขาว เพิ่มความปลอดภัยและบดบังการพักผ่อนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
ออกแบบโรงจอดรถไว้ข้างบ้าน มีกำแพงสีขาวลักษณะเดียวกับรั้วบ้าน แบ่งกั้นพื้นที่ระหว่างกันเอาไว้ ตั้งใจเปิดโปร่งแบบไร้หลังคา นับเป็นดีไซน์แบบง่าย ๆ ที่ประหยัดทั้งพื้นที่และประหยัดงบประมาณได้ดีเลยทีเดียว
สนามหญ้าหน้าบ้านเป็นโซนพักผ่อนแสนสบายของคู่รัก พื้นดินที่ต่ำกว่าตัวบ้านเล็กน้อย ทำให้รู้สึกถึงความลื่นไหล ต่อเนื่องอย่างมีมิติ มีระเบียงหน้าบ้านเชื่อมต่อกับข้างบ้าน ซึ่งเป็นส่วนที่ติดกับกำแพงโรงจอดรถ บิลท์อินม้านั่งติดผนัง พร้อมกับเพิ่มฟังก์ชันด้านใต้ให้เก็บรองเท้าได้ บ้านสีขาวแบบมินิมอล จึงดูดี เป็นระเบียบอยู่เสมอ
ประตูบ้านเน้นเป็นประตูกระจกบานเฟี้ยม ไม่จำเป็นต้องมีประตูทึบอีกต่อไป เนื่องด้วยกำแพงสีขาวทึบที่ล้อมบ้านไว้ ได้ทำหน้าที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างดีแล้ว ข้อดีของประตูกระจกที่เปิดกว้างได้ ทำให้พื้นที่ภายในบ้านที่มีอยู่อย่างจำกัดยิ่งดูโล่งสบาย ทั้งยังเปิดมุมมองจากภายในให้มองเห็นสวนหน้าบ้านได้อย่างเต็มตา
พื้นที่ภายในบ้านไม่ถึง 150 ตารางเมตร เพียงพอต่อการอยู่อาศัยของคู่รัก ชั้นล่างออกแบบให้มีความโปร่งสูง ด้วย Double Volume ตรงมุมนั่งเล่น จัดสรรครัว ไอซ์แลนด์ไว้ใกล้ ๆ เป็นฟังก์ชันที่คนยุคใหม่นิยม เพราะไม่เพียงแค่ประหยัดพื้นที่ใช้สอยแล้ว ยังช่วยให้ทุกส่วนของบ้านมีความเชื่องโยงถึงกันด้วย บ้านจัดสรร
เฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้นภายในบ้านมีไม้เป็นส่วนประกอบ สีน้ำตาลของไม้ ช่วยขับให้สีขาวดูโดดเด่น และขณะเดียวกันก็ช่วยลดความจืดชืด เพิ่มความนุ่มนวลและความอบอุ่นให้กับทุกพื้นที่ภายในบ้านมากขึ้น
จัดสรรพื้นที่ว่าง ๆ ก่อนเข้าห้องนอน เป็นมุมทำงานที่สามารถชะเง้อหน้าลงไปมองมุมนั่งเล่นชั้นล่างได้ ผนังฝั่งตรงกันข้ามเปิดช่องแสงตามแนวฝ้าเพดาน และด้านหน้ามีระเบียงเล็ก ๆ ตกแต่งให้สบายตาด้วยกระถางต้นไม้ การนั่งทำงานจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเพลิดเพลิน
แบบที่ 4 บ้านจั่วชั้นครึ่ง พื้นที่เล็ก สไตล์มินิมอล
พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดภายในบ้านเพียงแค่ 55 ตารางเมตรเท่านั้น รวมทั้งชั้นล่างและชั้นบน ภายในประกอบด้วย ห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อไปยังมุมทานอาหาร ห้องครัวและสวนหลังบ้าน โดยใช้โทนสีขาวสว่างมาเพิ่มความกว้างทางสายตา ทุก ๆ ห้องจึงเล่นโทนสีน้อยมาก เพราะไม่ต้องการให้มีความฉูดฉาดใดมาเพิ่มความคับแคบให้กับบ้าน
แต่ถึงอย่างไร หากมีแค่สีขาวอย่างเดียว บ้านคงไร้ซึ่งชีวิตชีวาเป็นแน่ สีน้ำตาลจากงานไม้จึงเป็นดั่งโทนสีสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศภายในให้แลดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการจัดสวนกระถางไว้ตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน เช่น มุมนั่งเล่น ตามขั้นบันได สีเขียวจากใบไม้เติมเต็มความสดชื่น ทำให้รู้สึกอยู่อาศัยแล้วมีความกระชุ่มกระชวยกว่าเดิม
บันไดแบบโปร่ง สามารถจัดพื้นที่ใต้บันไดให้เกิดประโยชน์ได้ จัดวางชั้นวางของสำหรับอุปกรณ์เล็ก ๆ ในห้องครัว ติดตั้งชั้นแขวนหน้าบานปิดไว้เก็บของใช้กระจุกกระจิกให้เป็นระเบียบ และนำโต๊ะพร้อมเก้าอี้สำหรับ 2 ที่นั่ง มาวางไว้สำหรับทานอาหารของคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
ชั้นบนออกแบบเหมือนชั้นลอยสำหรับเป็นที่พักผ่อนนอนหลับยามค่ำคืน แค่ขณะเดียวกันก็มีจัดมุมทำงานไว้ตรงหน้าต่างกระจกบริเวณปลายเตียงด้วย พื้นที่ของห้องนี้จึงใช้งานได้สองฟังก์ชัน คือ ทั้งทำงานและผ่อนคลาย
เฟอร์นิเจอร์ในห้องนอนเป็นธีมเดียวกันกับเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ชั้นล่าง ทุกห้องภายในบ้านจึงมีอารมณ์เดียวกันอย่างไม่สะดุด โต๊ะทำงานสามารถใช้งานพร้อมกันได้ 2 คน ทั้งยังมีลิ้นชัก ตู้เก็บของหน้าบานปิด ทำให้ห้องไม่รกเกะกะ มีความสบายตาชวนมองอยู่เสมอ
แบบที่ 5 บ้านหลังเล็ก มินิมอล
บ้านรูปทรงสี่เหลี่ยวเส้นสายตรงไปตรงมา ผนังแทนที่การก่ออิฐฉาบเรียบปิดทึบ ๆ เป็นการแทรกใส่บานกระจกตีตารางเป็นช่อง ๆ อีกด้านหนึ่งโชว์อิฐช่องลมเป็นแผงดูมี texture น่าสนใจ ทาสีขาวลงไปก็ให้ look แบบมินิมอลเรียบง่ายในทันที อิฐช่องลมเป็นวัสดุหนึ่งที่บ้านมินิมอลหใม่ ๆ นิยมนำมาใช้แทนที่ผนังแบบเดิม ๆ นั่นเป็นเพราะตัวอิฐมีช่องว่างที่ช่วยให้ลมพัดผ่านได้สะดวก แสงยังส่องลอดได้ ในขณะที่สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ภายในบ้าน
จากภาพของเรียบ นิ่ง น้อย ๆ ตามแบบฉบับ modern minimal แต่ภายในบ้านกลับพบความรู้สึกที่หลากหลายตามการจัดวางของตกแต่งที่ให้อารมณ์ความรู้สึกแตกต่าง อย่างเช่น มุมทานข้าววางโต๊ะไม้ตัวใหญ่แกะสลักขาอ่อนช้อยสวยงามมเข้าคู่กับเก้าอี้หวายแบบร่วมสมัยแบบคอตเทจ ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นโมเดิร์นจ๋า และไม่มีกลิ่นอายความเป็นเอเชีย
หลังจากผลักบานประตูไม้ตกแต่งกระจกเป็นช่องตารางออกมาจากห้องทานข้าวจะพบกับมุมนั่งเล่นผิงไฟที่ตกแต่งด้วยแคคตัสต้นใหญ่ โซฟาผ้าตัวหนานุ่ม มาพร้อมกับของตกแต่งกระจกวงกลมจากกิ่งไม้ ถาดสานวัสดุธรรมชาตติบนผนังสีขาวสะอาดตา เหนือเตาผิงติดต้งนาฬิกากลม ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะใกล้เคียงกับสไตล์โมเดิร์นคันทรีที่มีบรรยากาศแบบบ้าน ๆ แต่ทันสมัยขึ้นอีกนิด
ยังไม่ทันจบจากโมเดิร์นคันทรีก็มาพบกับหน้าต่างขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน ภายในบ้านจึงรับแสงธรรมชาติได้มาก ดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวา ตกแต่งด้วยกระถางมอนสเตร่าใบรูปหัวใจทรงสวย ทำให้ตัวบ้านดูเป็นธรรมชาติสดชื่นน่าอยู่ที่สุด ความพิเศษอยู่ที่บานหน้าต่างที่ไม่ใช่ทรงสี่เหลี่ยมโมเดิร์น แต่เป็นหน้าต่างที่มีอิทธิพลจากสไตล์โกธิคที่มีปลายด้านบนโค้งแหลม ซึ่งเป็นแบบบานที่นิยมติดตั้งในโบสถ์ ที่รุ่งเรืองในยุโรปในช่วงปลายยุคกลาง และคงอยู่ในอังกฤษจนถึงต้นศตวรรษที่ 16
